เป็นเกมสุดมันระดับหกดาวอย่างแท้จริง สำหรับนัดชิงชนะเลิศ คาราบาวคัพ ซึ่งมีครบทุกรสชาติ และอันที่จริงทั้งสองทีมสอยตาข่ายกันได้หลายหน แต่มีจังหวะล้ำหน้า และจังหวะที่ถูกวีเออาร์ปฏิเสธชนิดนับครั้งไม่ถ้วน
จนในที่สุด เกมต้องเข้าสู่การดวลลูกโทษตัดสิน
หลังจากทั้ง ลิเวอร์พูล และ เชลซี ไม่อาจพังประตูกันได้ใน 120 นาทีก่อนที่ หงส์แดง จะเป็นฝ่ายกำชัยหลังการดวลเป้าแบบมาราธอน เสร็จสิ้นภารกิจรายการแรกไปแล้วสำหรับ ลิเวอร์พูล ต่อการประเดิมคว้าโทรฟี่ คาราบาว คัพ ในซีซั่นนี้ แต่แน่นอนว่ากว่าจะได้แชมป์มาเชยชม
ก็ทำเอาเลือดตาแทบกระเด็นเช่นกัน ฉะนั้นแล้ว หงส์แดง จึงเหลือแชมป์อีกสามรายการให้แฟนบอล เดอะ ค็อป ได้ตามลุ้นกันต่อ โดยจะเริ่มจากถ้วย เอฟเอคัพ ในวันพุธนี้ซึ่ง เครื่องจักรสีแดง จะลงเล่นในบ้านบู๊กับ นอริช ในเกมรอบห้า มองกันตามเนื้อผ้าแล้ว ไม่น่าจะเป็นงานยากสำหรับทีมเจ้าถิ่นที่ต้องรับการมาเยือนของทีมบ๊วยแห่ง พรีเมียร์ลีก แต่ทั้งนี้ ลิเวอร์พูล
ซึ่งน่าจะมีการโรเตชั่นทีมมากพอสมควรเพื่อให้พ่อค้าแข้งหลายๆรายๆได้พักแข้งพักขาจากที่ต้องฉะกับ เชลซี นานถึง 120 นาทีอย่าติดประมาทก็แล้วกันในเมื่อโอกาสเปิดกว้างให้ทะยานเข้าสู่รอบแปดทีมสุดท้ายมากถึงเพียงนี้แล้วสำหรับถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก
อย่างที่รู้กันว่า ลิเวอร์พูล แหย่เท้าเข้ารอบแปดทีมไปหนึ่งข้างแล้วหลังระเบิดฟอร์มบุกไปอัด อินเตอร์ มิลาน 2-0 ในนัดแรกของรอบ 16 ทีมและให้น่าเสียดายไม่น้อยสำหรับเกม พรีเมียร์ลีก ซึ่งเมื่อวันก่อนทีมจ่าฝูง แมนฯ ซิตี้ บุกไปพิชิต เอฟเวอร์ตัน ได้แบบหืดจับ 1-0
ในช่วงสิบนาทีสุดท้ายโดยมีประเด็นดราม่า เรือใบสีฟ้า น่าจะเสียลูกโทษหลังจาก ฟิล โฟเด้น สอยตาข่ายได้ไม่นานด้วย แต่ถูกวีเออาร์ปฏิเสธหาไม่แล้ว หากทีม ท๊อฟฟี่ ตีเสมอได้ หงส์แดง ก็จะได้ตีปีกกันยกใหญ่เพราะพวกเขาจะถูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
ฉีกหนีเป็นสี่แต้มเท่านั้นจากการลงสนามมากกว่าหนึ่งนัด แทนที่จะเป็นหกแต้มแต่จะอย่างไรก็ตาม เชื่อได้เลยว่าด้วยฟอร์ม ณ นาทีนี้ของ ลิเวอร์พูล ไม่ว่าจะหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ต้องดวลกับพวกเขา บอกได้เลยว่าโอกาสรอดมียากมากจนถึงยากที่สุด